หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือ แนวปรัชญา ชีวิต ความรัก ของ คาลิล ยิบราน ซึ่งแปลโดยกอบกุล อิงคุทานนท์ พิมพ์โดยสำนักพิมพ์แสงดาว มีจำนวนหน้า 206 หน้า
เนื้อหาของหนังสือใช้ภาษาที่สวยงาม และมีคำคมแนวปรัชญาที่น่าครุ่นคิด เมื่อได้อ่านหนังสือเล่มนี้จนจนคุณจะรู้สึกได้ว่า ผู้เขียน คาลิล ยิบรานว่าเค้าคือใครมาจากไหน ทำไมถึงมีความคิดที่ลุ่มลึกได้ถึงขนาดนี้ ดังนั้นจึงขอนำประวัติโดยย่อของคาลิล ยิบรานมาให้ผู้อ่านได้รู้จักเค้าโดยสังเขป
คาลิล ยิบราน เกิดในประเทศเลบานอน ในปี 1883 ซึ่งในช่วงนั้นยังเป็นส่วนหนึ่งของซีเรียอยู่ บิดาเป็นคนเก็บภาษี มารดาเป็นลูกสาวของนักบวช พออายุ 2-3 ขวบ คาลิลก็ได้ไปใช้ชีวิตเติบโตในอเมริกา โดยมารดาไปทำอาชีพเป็นช่างตัดผ้า ตัวของเค้าจึงได้เรียนภาษาอังกฤษ และเรียนในสาย Art ผลงานของคาลิลในวัยหนุ่มล้วนเป็นผลงานด้านศิลปะ ช่วงหลังจึงมีแรงบันดาลใจให้มาเขียนหนังสือ และมีผลงานที่โด่งดังมาหลายเล่ม ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแนวงานเขียนแบบกวี โดยเล่มที่สร้างชื่อมากที่สุดคือ “ THE PROPHET” ชื่อภาษาไทยคือ ปรัชญาชีวิตซึ่งออกในปี 1923 โดยในปัจจุบัน ก็ถูกแปลออกมาถึง 30 กว่าภาษาโดยขายทั่วโลกได้ 10 ล้านเล่ม คาลิล ยิบราน จากโลกนี้ไปในปี 1931 ด้วยโรคตับแข็ง
หนังสือ “ชีวิต ความงาม และความรัก” จะแบ่งออกเป็นบทๆ ไม่ได้เขียนเป็นเนื้อเรื่อง หรือนิยาย แต่จะเป็นบทเล่าเป็นฉากๆตอนๆถึงเรื่องราว ความคิดที่เค้าไปได้สัมผัสมาถ่ายทอดให้ฟัง
โดยสารสำคัญของหนังสือเล่มนี้ คาลิล ยิบรานตั้งใจจะถ่ายทอดให้โลกได้เห็นในเรื่องของความรัก คามเมตตา ความเอื้ออาทรกันของมนุษย์ หรือการรู้จักการให้อภัยกัน เป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะมันคือสิ่งหนึ่งที่จะหล่อลี้ยงจิตวิญญาณขิงมนุษย์ให้คงอยู่ เขามองว่าตราบใดที่เรายังอยู่ในวังวนของกิเลสตัณหา เราก็จะไม่พบสิ่งสำคัญคือ “พลังแห่งความรัก” และพลังแห่งความรักมันสามารถไขความลับของชีวิตได้ ประสบการณ์ต่างๆในชีวิวิตเรา ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกสุขสม หรือทุกข์ตรม ก็ล้วนแต่เป็นประสบการณ์ที่ทำให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้น และประสบการณ์เหล่านี้ก็เป็นเครื่องมือชนิดหนึ่งที่ทำให้เรารู้จักตัวตน และรู้ใจตัวเอง
ด้วยความที่หนังสือเล่มนี้จะเป็นเพียงบทสั้นๆ และไม่มีตัวละครใดๆ จึงสามารถอ่านจบเป็นบทๆไป เมื่อแปลออกมาเป็นภาษาไทยแล้วก็ยังรู้สึกได้ถึงการถ่ายทอดจินตนาการ ความรู้สึกและอารมณ์ที่ค่อนข้างลึกซึ้งได้ คาลิล ยิบราน เป็นนักเขียนที่ใช้ภาษาสละสลวยและมีความละมุน ซึ่งในเล่มนี้เค้าจะพูดถึงความรักในหลายๆแนว รวมไปถึงนิยามความรักของแต่ละคน พูดถึงความรู้สึกของการเฝ้ารอที่รักกลับบ้าน โดยที่ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นได้ตายไปแล้วในสงคราม ความรู้สึกถึง ความเศร้า ความสูญเสียของคนที่เป็นที่รัก และยังพูดถึงชายหนุ่มคนหนึ่งที่เป็นคนเสเพล แล้วใช้ผู้หญิงเป็นเครื่องระบายอารมณ์ทางเพศ แต่พอได้พบกับความรัก เค้าก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน
หนังสือเล่มนี้ คาลิล ยิบราน ต้องการจะสื่อให้คนทั้งโลกเห็นว่า พลังของความรัก มันสามารถไขความลับของชีวิตได้จริงๆ นอกจากนั้นในบางช่วงยังได้กล่าวถึงความโอบอ้อมอารีของเพื่อนมนุษย์ ซึ่งมีเรื่องๆหนึ่งที่กล่าวถึงหญิงสาวที่ชื่อมาร์ธา ซึ่งเป็นสาวสวยและชอบเที่ยวบนเขา จนวันหนึ่งเธอได้พบกับชายคนหนึ่งและหลอกลวงเธอไปเป็นภรรยา พอเธอมีลูกเค้าก็ทิ้งเธอไปทำให้มาร์ธาต้องหาเงินแลกกับความต้องการทางเพศของผู้ชายจนเธอติดโรค ท่ามกลางดงสลัม คาลิล ยิบรานได้มีโอกาสเจอลูกชายของเธอที่ได้พาเขาไปหามาร์ธา โดยคาลิล ยิบรานได้พูดกับมาร์ธาด้วยความโอบอ้อมอารีว่า “ มาร์ธา แม้คุณจะอยู่ในหลุมฝังศพ แต่คุณก็ยังบริสุทธิ์ กลิ่นเน่าเหม็นของร่างกาย ไม่สามารถชำแรกวิญญาณอันบริสุทธิ์ของคุณได้หรอก” ซึ่งคำที่เค้าพูดก็เหมือนเป้นกำลังใจสุดท้ายให้มาร์ธา ก่อนที่เธอจะจากโลกนี้ไป
มีช่วงหนึ่งที่คาลิลได้พูดถึงจิตวิญญาณ และความอัปลักษณ์ภายนอก และยังพูดถึงความฝันว่าเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตมีความหมาย
บทเขียนของคาลิลยิบราน บางส่วนก็ถูกโจมตี และเกิดความไม่พอใจจากสังคม เพราะเค้าต้องการจะให้ผู้คนเห็นแนวคิดความจริงของโลก สัจธรรมของชีวิต
ใครที่ชอบอ่านหนังสือแนวนี้ จะสัมผัสได้ถึงความงดงามของภาษาทุถูกถ่ายทอดออกมาจากผู้เขียน คาลิล ยิบราน แน่นอน
รีวิวหนังสือน่าอ่าน หนังสือนิยาย หนังสือนวนิยาย